ผงโรยพริกเกลือสีทองตัดกับสีเนื้อเต๋าที่คั่วมาแบบไฟท่วมกระทะ จนได้รสแซ่บจัดจ้านกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับเนื้อโคขุนเสียบไม้ย่าง กลิ่นหอมแบบกระชากวิญญาณ กับไข่ขาวกรอบๆ ออนท็อปด้วยไข่แดงดองลาวา นี่คือเมนูจาก ‘ร้านแห่งความฝัน’ ของเด็กชายวัยเพียง 11 ปี
ที่หลายคนคงสงสัยว่าเด็ก 11 ปี เปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองได้ยังไง แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเกินตัวสำหรับ ‘ฟิจิ’-กฤตภาส ศิริพงศ์ปรีดา เชฟรุ่นจิ๋ว และผู้ก่อตั้งร้านเนื้อแคมป์ไฟ ด้วยปณิธานที่จะทำให้ทุกคนเห็นว่า ‘อายุ’ ไม่ใช่ขีดจำกัดกับสิ่งที่ตัวเราชอบ
Sauce เรื่องราวกินได้ เลยอาสาขอพาทุกคนมารู้จักต้นตอของเชฟวัยจิ๋วสุดทะเยอทะยาน ว่าจะมีเรื่องราวและเมนูพิเศษขนาดไหนให้เราได้รู้กัน
สารตั้งต้นเนื้อแคมป์ไฟ
ฟิจิโตขึ้นอยากเป็นอะไร? หนึ่งในคำถามของเชฟป้อมจากรายการมาสเตอร์เชฟ ที่ฟิจิมุ่งมั่นตอบว่าจะเป็นเชฟในวันนั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของร้านแคมป์เนื้อไฟเลยก็ว่าได้ ด้วยไฟรักในอาหารและประจวบเหมาะกับช่วงโควิดพอดี
ฟิจิและคุณพ่อจึงผุดไอเดียเปิดร้านอาหารขึ้นมา ซึ่งตอนต้นการวางแผนเปิดร้านจะเป็นรูปแบบออนไลน์ไปก่อน ส่วนการขยับขยายเปิดหน้าร้านก็คงต้องดูผลตอบรับอีกทีว่าพอจะไปต่อได้ไหม
ส่วนการวางมาสเตอร์แพลน คือสิ่งที่คุณพ่อปูทางให้ฟิจิรู้จักสร้างผลิตภัณฑ์ก่อน แล้วคอยโยนโจทย์ให้ฟิจิได้ทำในสิ่งที่คิด และค่อยมาช่วยกันตบไอเดีย เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเกิดการเรียนรู้และได้เผยความต้องการของตัวเองออกมา
ซึ่งคำตอบของเขาที่ตอบกลับมานั้น ก็ยังคงเป็นการเปิดหน้าร้าน แต่การมีหน้าร้านก็ต้องแลกกับทุนที่สูง พรีออร์เดอร์เลยเป็นทางที่ลงตัวที่สุดนั่นเอง
โปรดักส์ตัวแรกสำหรับลูกค้าพรีออร์เดอรคือ ‘เนื้อแช่แข็ง’ ที่มีกลุ่มเป้ามหมายเป็นกลุ่มแคมป์ปิ้ง ซึ่งกระแสตอบรับถึงขั้นถล่มทลายเลยไหม ก็กลางๆ ไม่ดีไม่แย่ เลยทำให้สุดท้ายฟิจิ และคุณพ่อปิดดีลด้วยการดีไซน์เปิดเป็นร้านอาหาร
เมนูอร่อยพ่นไฟ
สำหรับเมนูไหนโดนใจที่สุด ต้องขอยกให้ ‘ข้าวเนื้อเต๋าพริกเกลือ’ ผงโรยพริกเกลือสีทองตัดกับสีเนื้อเต๋าชิ้นพอดีคำ ที่ฟิจิตั้งใจควบคุมเนื้อให้ไม่สุกมากเกินไป และแซมด้วยมันเนื้อเล็กน้อย ทำให้พอได้เคี้ยวหนึบหนับกำลังดี บวกกับพริกเกลือที่คลุกเคล้าลงไป ตามด้วยการละเลงบนถ้วยข้าวร้อนๆ ปิดท้ายด้วยการท็อปผงพริกเกลือกระเทียมกรอบรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด อีกที ทำให้ข้าวเนื้อเต๋าพริกเกลือจานนี้ อร่อยพ่นไฟเลยทีเดียว
มาต่อด้วย ‘เนื้อโคขุนคลุกฝุ่น’เนื้อเสียบไม้สลับกับมันเนื้อ ย่างในกระทะร้อนๆ จากฝีมือเชฟฟิจิที่มาโชว์ย่างเนื้อสดๆ หน้าเตา ทำให้เราได้เนื้อที่หอมและรสชาติอร่อยกำลังดี แต่ทีเด็ดของเมนูนี้ มันอยู่ที่ผงคลุกที่มีข้าวคั่วเป็นส่วนประกอบ ส่งให้เนื้อย่างที่มีความหอมอยู่แล้ว พอได้ข้าวคั่วมาเสริมก็ทำให้หอมเข้าไปอีก
นอกเหนือจากเมนูเนื้อแล้ว ยังมีเมนูหมู ไก่ รวมไปถึงไข่ด้วย จานปิดท้ายเราจึงขอจบที่เมนู ‘ไข่ดาวคะนอง’ ไข่ดาวแยกส่วนที่ใช้ไข่ขาวไปทอดให้กรอบฟูและแยกไข่แดงไปดอง เพื่อให้ออกมาเป็น ไข่แดงดองลาวาเยิ้มๆ ออนท็อปบนไข่ขาวกรอบๆ ราดด้วยพริกน้ำปลาผสมมะนาวฝานชิ้นจิ๋ว ช่วยให้เราได้ทั้งรสชาติ และรสสัมผัสที่เข้ากันอย่างลงตัว
มากกว่าอาหาร คือวิชาชีวิต
หลายคนพูดว่าการพาลูกมาเปิดร้านอาหาร มันทำให้เด็กขาดชีวิตวัยเด็กไป ทว่าสำหรับ ‘หนุ่ม-มณเฑียร ศิริพงศ์ปรีดา’ ผู้เป็นพ่อของฟิจิ ไม่ได้มองแค่การเปิดร้านอาหาร แต่มองลึกลงไปถึงการได้สอนลูกให้รู้จักคำว่า ‘วิชาชีวิต’ ที่เริ่มจากความชอบของตัวลูกก่อน เพราะการฟังในสิ่งที่ใจลูกต้องการมันจะทำให้ลูกพร้อมเรียนรู้ ว่าการทำงานจริงๆ การลองไปยืนขายของ หรือการคิดแบรนด์เองมันเป็นอย่างไร
จริงๆ การเปิดเนื้อแคมป์ไฟมันไม่ใช่การให้ฟิจิมาขลุกอยู่ที่ร้านทุกวัน การได้เล่นเกมส์หรือมีวันหยุดฟิจิก็ยังได้รับเหมือนเด็กทั่วไป เหมือนกับที่คุณพ่อบอกกับเราว่าอยากให้เขาเจอมุมที่มันหลากหลายมากกว่าซึ่งในฐานะของคนเป็นพ่อ เขามองว่า
“โลกตอนนี้ไม่ใช่โลกของเรา มันคือโลกของเด็ก
โลกของคนเป็นลูก เราจึงเป็นได้แค่ผู้สนับสนุน”
ส่วนฟิจิขาดช่วงชีวิตวัยเด็กไปไหม คำตอบคงชัดเจนอยู่แล้วว่า ‘ไม่ใช่’ เพราะเนื้อแคมป์ไฟ คือการมอบโอกาสให้คนที่รักมากกว่า ซึ่งในวันหนึ่งสิ่งที่ฟิจิและคุณพ่อได้ทำร่วมกันมา มันกลายเป็นประสบการณ์ กลายเป็นวิชาชีวิตที่ตัวคุณพ่อมอบให้ฟิจิเร็วกว่าคนอื่นเท่านั่นเอง
เพราะประสบการมันทำให้เราโตกว่าอายุ
เด็กมักทำในสิ่งเกินตัวไม่ได้หรอก คำพูดที่ฟิจิ เด็กคนหนึ่งมักถูกถามอยู่เรื่อยๆ แต่คงไม่รู้ว่าสิ่งที่ฟิจิ เด็กชายวัยเพียง 11 ปี ได้ทำ ได้พูดออกมา มันคือสิ่งที่ออกมากจากตัวตน ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
จากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ได้ลงมือทำในสิ่งที่ชอบ อย่างการทำอาหาร ทำร้านเนื้อแคมป์ไฟ มันล้วนเป็นแผนที่นำทางให้ตัวฟิจิในอนาคต เรียนรู้ว่าควรเดินในเส้นทางไหน ที่จะช่วยนำทางให้ฟิจิเติบโตขึ้นในแบบฉบับของตัวเอง